BITKUB งานเข้า !

BITKUB งานเข้า ! WikiBit 2022-04-08 13:02

สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์กล่าว "บิทคับขายฝัน" มันเกิดอะไรขึ้น ?

  โดยเนื้อหาบทความนี้ได้สรุปบทย่อมาจาก สำนักข่าว “ผู้จัดการออนไลน์”เขียนความแนววิเคราะห์ในหัวข้อที่ชื่อว่า “บิทคับยูนิคอร์นสายพันธุ์อันตราย?” โดยก่อนหน้ามีเนื้อหาทั้งหมด 5 ตอนไว้ด้วยกัน

  ในหัวข้อที่ชื่อว่า “บิทคับยูนิคอร์นสายพันธุ์อันตราย?” ซึ่งก่อนหน้า WIkiBit ได้เคยทำการเขียนไว้

  .

  ในส่วนวันนี้ ผู้จัดการออนไลน์ เจ้าเก่าได้ออกมาเขียนตอนพิเศษที่มีเนื้อหาว่าผ่าแผนตลาดอำมหิตของบิทคับสร้างคอมมูนิตี้ล้างสมองเด็ก จ้างอินฟลูเอนเซอร์เจาะโรงเรียน-มหาลัย กล่อม ก่อน “ท็อป-จิรายุส”

  สวมบท “ไลฟ์โค้ช” ปิดจ็อบขายฝันมอมเมาชวนล่าคริปโตฯ รู้ทั้งรู้ แต่ผู้บริหาร SCB กลับกำลังปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ!!?

  .

  โดยทาง สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ได้วิเคราะห์ไว้ดังนี้ เริ่มต้นที่เรื่องราวดีล ระหว่าง ธนาคารสีม่วง SCBx (บริษัท โฮลดิ้งส์ เพื่อเป็นบริษัทในการลงทุนธุรกิจต่าง ๆ ของ SCB ที่เป็นธนาคารที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทย) กับ Bitkub ( Exchange ตลาดซื้อขายคริปโตเคอเรนซี สัญชาติไทยที่มีผู้เปิดบัญชีอยู่กว่า 3 ล้านบัญชี)

  .

  ในส่วนดีลครั้งนี้ มีข้อตกลงกันไว้ในราคา 17,850 ล้าน โดยสำนักข่าว “ผู้จัดการออนไลน์” ได้มีการประเมินกันว่า “ท็อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในสัดส่วน ถือหุ้น 23.87% เท่ากับว่าจบดีลนี้เขาจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าส่วนตัวคิดเป็นมูลค่า 4,260 ล้านบาท

  .

  บทต่อมา สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ได้วิเคราะห์เชิงตั้งคำถามไว้ดังนี้ ทำไม?ไทยพาณิชย์ต้องทุ่มเงินมหาศาล เพื่อ Exchange ที่อนาคตไม่แน่นอน ทำไม? ต้องสนับสนุนตลาดที่มีภาพลักษณ์ของ “บ่อนพนัน” ความผันผวนสูง สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้ให้เหตุผลไว้ดังนี้ว่า จากตัวอย่างของ KUB Coin เหรียญของบิทคับ และ เหรียญสัญชาติไทยเช่น JFIN และ SIX ที่เจ้ามือแสดงอิทธิฤทธิ์สร้างราคา-ปั่นเหรียญ จนกลายเป็นหายนะของรายย่อย ด้วยราคาขึ้นลงมากกว่า 1,800% แต่แลกมากับการที่ กำไรมหาศาล ขณะเดียวกัน การทำธุรกิจ Exchange ของ บิทคับ ออนไลน์ เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง ไบแนนซ์ ยังพบว่า บิทคับทั้งเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่สูง 0.25% เก็บค่าบริการในการถอน 20 บาทต่อรายการโดยที่ธนาคารคิดเพียง 3 บาท ในที่นี้ทางผู้จัดการออนไลน์ได้มีการ เขียน ประเด็นที่ ก.ล.ต. เข้าตรวจสอบระบบการซื้อขาย พบข้อบกพร่อง ทำธุรกิจไม่รัดกุม ไร้ประสิทธิภาพ หรือ ตรวจพบ “นอมินี” หรือ “บัญชีม้า” ที่ไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ ถูกสั่งให้แก้ไข และ โดนลงโทษมาก็หลายครั้ง นับแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน

  .

  เข้ามาสู่ Part ที่ทางผู้จัดการออนไลน์ วิเคราะห์ไว้ว่าถือว่าเป็นหัวใจหลักของบทความนี้ “แผนการตลาด” ทางสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ก็ได้วิเคราะห์ ปนวิจารณ์ไว้ดังนี้

  .

  •   การจ้างอินฟลูเอนเซอร์นำกล่อม - และท็อป จิรายุส ปิดจ็อบ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนมากขึ้น บิทคับ ยังว่าจ้างบรรดา “ยูทูบเบอร์” “อินฟลูเอนเซอร์” ที่บรรดาเด็กและเยาวชนติดตามตระเวนให้ไปร่วมพูดคุย เป็นวิทยากรในเวที หรือ อีเวนต์ที่ บิทคับ ให้ออกเงินจัดงาน อินฟลูเอนเซอร์ ที่ถูกว่าจ้างมีทักษะในการสื่อสาร แต่อาจจะไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี สินทรัพย์ดิจิทัล แต่ท็อป-จิรายุ ไม่ได้ขัดข้องขอให้แต่ละคนสามารถโน้มน้าวคน แฟนคลับ ให้เข้ามาคอมมูนิตี้ของบิทคับก็ถือว่าบรรลุเป้าหมาย โดยตัวเขา จะเข้ามาปิดจ็อบ ด้วยการทำหน้าที่ไม่ต่างจาก “ไลฟ์โค้ช” พูดให้แรงบันดาลใจ ให้เยาวชน มีความรู้สึกดีกับ “ความเชื่อ” ที่บิทคับนำเสนอ ตัวอย่าง : ภายใต้หัวข้อ “Metaverse กับการศึกษาในอนาคต” ว่ากันว่า มีอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังร่วมงานหลายคน และ เจ้าของธุรกิจ “After yum” ที่มีลูกค้าและแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมากเปิดเวที แล้ว จิรายุส ก็ขึ้นมาเป็นไลฟ์โค้ช ให้กับผู้ฟัง

      .

  •   ในปี 2565 “บิทคับ ออนไลน์” ตั้งเป้าหมายจะขยายฐานลูกค้าให้ได้ 7 ล้านราย จากเดิมที่เคลมว่ามีอยู่แล้ว 3 ล้านบัญชี หรือ เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และมีสินทรัพย์ดิจิทัลให้เลือกซื้อขายมากกว่า 100 สกุลในกระดาน Bitkub จากที่มีอยู่ 50 กว่าเหรียญในปัจจุบัน จิรายุส มักกล่าวอ้างเสมอว่า บิทคับ เป็นสตาร์ทอัปที่มีการเติบโตสูงปีละ 1,000% และ จะเติบโตยิ่งๆ ขึ้นไปกว่านี้ได้อีก ซึ่งหากจะรักษาการอัตราการเติบโตของธุรกิจ และ กำไรเอาไว้ได้ วิเคราะห์กันว่า Exchange จะต้องมีผู้เข้ามาเปิดบัญชีเทรดกันมากขึ้น นั่นหมายถึงค่าธรรมเนียม ค่าบริการ ที่จะมากขึ้น เป้าหมายวิธีทำให้ลูกค้าเพิ่มเป็น 7 ล้านรายให้ได้ คาดว่ากว่าครึ่งน่าจะมาจากกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่หรือนักเรียนนักศึกษานั่นเอง และนั่นย่อมทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดการลงทุนผิดพลาดเพิ่มสูงขึ้น เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ไร้ประสบการณ์การลงทุนขณะที่เป้าหมายของบริษัทสำเร็จผลท่ามกลางเงินจำนวนมากของผู้ปกครองที่ต้องสูญเสียไปใครต้องรับผิดชอบนี่คือแผนการตลาดที่อำมหิต และเป็นอันตรายต่ออนาคตของชาติ ที่กำลังหวั่นวิตกกัน

      .

  •   การทำแคมเปญโฆษณาผ่านสื่อโซเชียล TikTok แค่ 10 บาท ก็ลงทุนได้ วิธีการสมัครเปิดบัญชีก็แสนง่ายดายด้วยแคมเปญ “10 บาท” ก็ลงทุนได้ ที่เป็นกับดัก ดักรออยู่ ทำให้มีนักเรียน นักศึกษา ถูกกวาดต้อนเข้ามาเป็นสมาชิกบิทคับจำนวนมาก เพื่อให้ดึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตน

      .

  •   “Bitkub ICON” เฟ้นสตาร์ไปหาแมงเม่า “Bitkub” เดินเกมไล่จับกลุ่มนักศึกษาผ่าน “Bitkub ICON” จำนวน 16 คนจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครอบคลุม 4 ภูมิภาค เหนือ กลาง อีสาน ใต้โดย Bitkub ICON ได้้อ้างไว้ว่า คือ ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นผู้นำ กล้าแสดงออก มีความสนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลและเป็นตัวแทนของ Bitkub ในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนสังคมการเงินแห่งโลกยุคดิจิทัล และสร้างคอมมูนิตี้ให้ทุกคนเข้าถึงได้ เรียกว่า บิทคับ พยายามอย่างมากในการสร้างคอมมูนิตี้ที่จะเป็นเครือข่ายขยายไปเรื่อยๆ ครอบคลุมครอบงำเด็กทุกระดับ หรือ นักลงทุนรายใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ให้มากที่สุด สุดท้ายนี้ทางสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ ยังได้เปิดคำถามทิ้งไว้อีกด้วยว่า บรรดาผู้บริหารไทยพาณิชย์ที่ต้องบริหารสินทรัพย์ต่างพระเนตรพระกรรณพวกนี้กำลังปิดบังอะไรอยู่ คิดว่าจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้หรือ และสมควรหรือที่จะเข้าไปลงทุนในกิจการที่กำลังล้างสมองเยาวชนไทยให้กลายเป็นสาวกบิทคับเบอร์ของนายท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา.

  •   .

      โอ้โห้แซ่บแบบพริก x10กันไปเลยทีเดียว เพราะอีกใจถ้าเป็นจริงอย่างที่สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์เขียนก็น่าคิด แต่อีกใจหนึ่งบิทคับก็ผันตัวมาเป็น Defi ที่แรกๆของไทยเหมือนกัน จัดเต็มกันแบบนี้ทางผู้อ่านก็คิดวิเคราะห์กันไว้ให้ดีนะคะ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:

มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ

  • แปลงโทเค็น
  • การแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
  • การคำนวณอัตราแลกเปลียน
/
ชิ้น
อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้
จำนวนเงินที่สามารถแลกได้

0.00